top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนSathit Jittanupat

To Order the Hamachi


มีเรื่องเล่าจากน้องในทีม เกี่ยวกับ Supply Chain ของธุรกิจประเภทหนึ่ง ที่น่าใช้เป็นโจทย์สนุกๆ ท้าทายไอเดียของนักวางระบบ


บริษัทฯ เป็นผู้จัดหาปลาฮามาจิ (Hamachi) และอาหารทะเลหลายอย่างจากต่างประเทศ เพื่อนำส่งให้ลูกค้าที่เป็นร้านอาหารหรือภัตตาคาร เงื่อนไขที่น่าสนใจอยู่ตรงที่วิธีการสั่งซื้อของลูกค้า


บางแห่งจะสั่งซื้อโดยระบุจำนวนชิ้น ที่ต้องการ พร้อมกับขนาดคร่าวๆ เช่น ชิ้นละประมาณ 1 กิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักอาจขาดหรือเกินได้บ้าง แต่ต้องได้จำนวนชิ้นตามนั้น


บางแห่งจะสั่งเป็นน้ำหนักรวม โดยไม่เคร่งครัดกับจำนวนชิ้น แต่ต้องได้น้ำหนักรวมตามนั้น


ลูกค้าต่างก็มีเหตุผลเลือกวิธีการสั่งที่เหมาะสม หากเราไม่สามารถบังคับให้ทุกรายเปลี่ยนไปสั่งวิธีเดียวกันได้ ความท้าทายจึงตกอยู่กับตัวบริษัทฯ ที่เป็นตัวกลางนี้เอง


  • จะรวมออเดอร์ลูกค้าเป็นคำสั่งซื้อส่งให้ผู้ขายต่างประเทศอย่างไร ตามน้ำหนัก หรือตามชิ้น หรือทั้งสองอย่าง (ซึ่งไม่น่าทำได้)


  • เมื่อได้รับสินค้าจะคัดแยกเพื่อจัดส่งให้ลูกค้าอย่างไร หากจัดให้ลูกค้าตามจำนวนชิ้นก่อน ลูกค้าที่สั่งตามน้ำหนักก็มักจะขาด (หรือเกิน) และกลับกันหากจัดตามน้ำหนักก่อน ก็จะเหลือจำนวนชิ้นไม่ลงตัว


ธรรมชาติของอาหารสดทำให้การจัดส่งต้องทำแข่งกับเวลา ขณะเดียวกันการเผื่อปริมาณสินค้าเกินจากความต้องการของลูกค้าอาจเป็นความเสียหาย เพราะไม่สามารถสต็อคเก็บไว้ได้นาน


จากออเดอร์ลูกค้า สู่ออเดอร์ผู้ขาย

หากจะถามว่าหัวใจของการทำธุรกิจแบบนี้คืออะไร ผมคิดว่าคือ "การขายความสะดวก" รายย่อยแต่ละรายไม่สะดวกที่จะสั่งซื้อโดยตรงกับผู้ขาย และผู้ขายก็ไม่สะดวกที่จะขายแบบยิบย่อย


ระบบบริหารจัดการที่ดี ทำให้การเป็นตัวกลางนั้นมีคุณค่า ทำให้การค้าสำเร็จลุล่วง และแน่นอนว่า มักเกิดขึ้นเมื่อการจัดการตรงนั้นยุ่งยากลำบาก จนไม่คุ้มค่าหากทั้งสองฝ่ายจะจัดการกันเองโดยไม่ผ่านตัวกลาง


เราลองตั้งคำถามว่า มีวิธีไหนบ้างที่รับมือออเดอร์ต่างหน่วยนับแล้วเกิดความสะดวกกับทุกฝ่าย


นับเป็นชิ้น ราคาเป็นกิโล

"ชิ้น" ถือว่าเป็นหน่วยนับ "กิโล" เป็นหน่วยชั่ง เมื่อลองพิจารณาดีๆ ก็จะพบว่าในโลกของการแลกเปลี่ยนส่งมอบสินค้า โดยเฉพาะสินค้าธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมให้ทุกชิ้นมีคุณสมบัติเท่ากัน จึงมีการสลับกันใช้ระหว่างหน่วยนับกับหน่วยชั่งตวงวัดตลอดเวลา


คุณอาจเลือกซื้อส้ม 10 ลูกได้ แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นเงินเท่าไหร่ จนกว่าจะชั่งน้ำหนักรวม และการชั่งต้องใช้อุปกรณ์ประกอบ "เครื่องชั่ง"


แต่การขายแอปเปิ้ลกลับใช้วิธีแตกต่าง ผู้จำหน่ายพยายามคัดขนาดให้เท่ากันเพื่อตั้งราคาเป็นลูก


หากมีเวลาไปตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ต ลองสังเกตวิธีการขายและคิดราคาของกล้วย ทำไมกล้วยหอมนับลูกขาย กล้วยน้ำว้าขายเป็นหวี บรรดาพืชผักผลไม้ กุ้งหอยปูปลา เพราะอะไรจึงมีวิธีนับและคิดราคาไม่เหมือนกัน


ทุกเรื่องราวย่อมมีที่มาที่ไป ซึ่งอาจทำให้ต้องเปลี่ยนกลับไปกลับมาระหว่างทางจากผู้ขายไปจนถึงผู้ซื้อแต่ละทอด ทำให้เราต้องหาวิธีจัดการหน่วยที่ใช้นับสะดวกที่สุด กับหน่วยที่ใช้คำนวณมูลค่าเป็นเงินได้สะดวกที่สุด


ขีดจำกัดของการนับ

ถึงแม้การนับจำนวนชิ้น เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการตรวจสอบและหยิบสินค้า เพราะใครๆ ที่นับเลขได้ก็สามารถทำได้ทันที ไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์ช่วย

 

แต่ประสิทธิภาพของการนับจะถดถอยลงเมื่อจำนวนที่ต้องนับมากเกินไป


คุณสามารถนับจำนวนหลักสิบได้ไม่ยาก แต่เมื่อต้องนับจำนวนเป็นร้อยเป็นพันเริ่มต้องใช้เวลามากขึ้น มีโอกาสผิดพลาดมากขึ้น ดังนั้นสินค้าเดียวกันอาจเลือกออกแบบให้ใช้วิธีนับแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณหมุนเวียนของสินค้านั้น ผู้ผลิต ผู้ค้ารายใหญ่ กับผู้ค้ารายย่อย จึงมีชุดความคิดไม่เหมือนกัน


ความยุ่งยากของการชั่ง

การชั่งต้องใช้เครื่องชั่ง หากเครื่องชั่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปจุดที่ใช้งานสะดวก อาจเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงานจริง


การชั่งเพื่อหยิบหรือจัดสินค้าให้ได้ตามน้ำหนักที่ต้องการเป็นเรื่องยุ่งยากเสมอ 


ขณะที่การชั่งเพื่อตรวจรับสินค้าที่ผ่านการชั่งมาแล้วนั้นง่าย


เมื่อคุณซื้อส้ม 1 กิโลจากแม่ค้าในตลาดสด แม่ค้าจะต้องเติมหรือหยิบส้มลูกสุดท้ายออกเพื่อให้ได้น้ำหนักใกล้เคียง แต่ถ้าคุณซื้อส้มจากรถตระเวณขายผลไม้ พวกเขามีวิธีที่ฉลาดกว่า โดยชั่งส้มใส่ถุงเตรียมไว้ก่อน ให้คุณเลือกซื้อส้มเป็นถุงที่ชั่งเสร็จแล้วแทน


ลูกค้า

ปกติเมื่อลูกค้าสั่งจะไม่ได้สั่งเฉพาะฮามาจิ แต่จะมีอย่างอื่นด้วย แต่บังเอิญฮามาจิเป็นกรณีที่เจอการสั่งของลูกค้าแบบระบุจำนวนชิ้น กับจำนวนกิโลกรัม ซึ่งไม่อาจตัดสินได้ว่าแบบไหนเหมาะกว่ากัน


ปัจจุบันนี้ถ้าลูกค้าสั่งมาเป็นน้ำหนัก พนักงานก็จะพยายามคำนวณให้เป็นจำนวนชิ้น เช่น 10 กิโลกรัม เท่ากับปลาขนาด 1.2 กิโลกรัมประมาณ 8 ชิ้น (ปลาที่ได้จริงน้ำหนักจะไม่เท่ากันเป๊ะทุกชิ้น) ซึ่งปรากฏว่าหลายครั้งโดนลูกค้าตำหนิว่าได้ของไม่ครบเพราะน้ำหนักขาด


มองจากมุมของพนักงานผู้รับออเดอร์ หากคำนวณเผื่อจนเหลือเกินอาจเกิดความเสียหายที่เห็นได้ชัดกว่าเสียงบ่นของลูกค้า


มองจากมุมของฝั่งผู้สั่งซื้อ การรับสินค้าโดยชั่งน้ำหนักรวมย่อมสะดวกกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการสั่งซื้อปริมาณมาก


คัดแยกและจัดส่ง

ขั้นตอนคัดแยกเพื่อกระจายส่งสินค้านับเป็นช่วงเวลาที่วิกฤติ เนื่องจากสินค้าถูกนำรวมกันมาจากสนามบิน การคัดแยกและจัดส่งเกิดขึ้นแทบจะพร้อมกัน ไม่เหมือนกับสินค้าที่มีสต็อคในโกดังอยู่แล้ว สามารถทะยอยหยิบสินค้ามารอเตรียมจัดส่งเป็นรอบๆ ได้


  • กลุ่มออเดอร์ที่ต้องจัดส่งทางเครื่องบิน จะมีกำหนดเวลาเส้นตาย


  • ความยากง่ายในการหยิบสินค้าภายในออเดอร์ ตัวอย่างเช่น ทูน่ามาเป็นชิ้นใหญ่ ต้องรอ repack หรือตัดแบ่งเป็นชิ้นย่อยก่อน รวมถึงกรณีฮามาจิ ดังที่กล่าวข้างต้น การหยิบปลาขนาด 1.2 กิโลกรัม 8 ชิ้น ง่ายกว่าการเลือกหยิบปลารวมกันให้ได้ 10 กิโลกรัม 


  • สายส่ง หรือเส้นทางจัดส่ง เพื่อรวมออเดอร์ที่ไปทางเดียวกันให้ไปด้วยกัน 


  • เงื่อนไขลูกค้า ร้านอาหารบางแห่งเปิดกลางวัน บางแห่งเปิดกลางคืน ภัตตาคารบางแห่งจะเข้มงวดเรื่องกำหนดเวลาส่ง รวมไปพาหนะและบรรจุภัณฑ์เพื่อควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบ


ปัจจัยเหล่านี้ไม่สามารถแยกคิดทีละส่วน แต่ต้องจับขยำรวมแล้วหาวิธีอะไรบางอย่างให้ได้คำตอบ 2 อย่างออกมาพร้อมกัน 


"คิวรถจัดส่ง" และ "คิวหยิบสินค้าตามออเดอร์" ต้องสอดคล้องประสานกัน


ไอที

ทีนี้มาถึงคำถามสำคัญของผู้วางระบบ เราสามารถเอาไอทีมาช่วยงานส่วนไหนได้บ้าง


  • งานประมวลผล จากคำสั่งซื้อลูกค้า สรุปมาเป็นรายการสั่งให้ผู้ขายต่างประเทศ


  • งานประมวลผล วางแผนคิวรถ และคิวหยิบสินค้า


  • งานจัดสินค้า ติดตามสถานะของออเดอร์ เช่น ยังไม่ได้จัด, กำลังจัด, จัดเสร็จแล้ว หรือ มีปัญหา


  • งานส่งสินค้า และยืนยันการรับสินค้า (ลูกค้าบางรายอาจชั่งน้ำหนักตอนรับสินค้า หากน้ำหนักขาดอาจโต้แย้งมาได้)


บางครั้งสภาพแวดล้อมก็เป็นข้อจำกัดในการออกแบบ เช่น การหยิบสินค้าที่เป็นของสดมักจะเลอะเปียกแฉะ ทำให้ไม่สะดวกต่อการใช้อุปกรณ์มือถือหรือแทบเล็ต


ธุรกิจประเภทนี้มีกระบวนการทำงานที่ซับซ้อนและแข่งกับเวลา มีข้อดีตรงที่เห็นได้ชัดเจนว่าความสามารถในการแข่งขันของผู้ที่อยู่รอดขึ้นอยู่การมีระบบที่ดีนั่นเอง หากไม่สามารถเอาไอทีมาช่วยงาน ย่อมไม่สามารถยืนระยะได้นาน

ดู 1 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


Post: Blog2_Post
bottom of page