top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนSathit Jittanupat

The Outstanding Balance


หลับตา.. นึกภาพของยุงตัวนั้น มันไม่ได้อยู่ในห้องนอน แต่อยู่ในรถ ขณะที่รถเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันบินด้วยความเร็วเท่าไหร่


แล้วถ้าแปลงกายเป็นยุง คุณจะรู้สึกว่าตัวเองบินด้วยความเร็วเท่าไหร่


ยุงที่อยู่ในรถที่วิ่งด้วยความเร็วไม่เท่ากัน พวกมันต่างคิดว่าตัวเองบินตามปกติ มีแต่ผู้ที่อยู่ด้านนอกจึงเห็นว่ารถนั้นพายุงเคลื่อนที่ไปอย่างไร


หยุดเวลา

ในการทำงานประจำวัน เรามีรถคันที่ดูแลบัญชีลูกหนี้และเจ้าหนี้วิ่งด้วยความเร็วเท่าทันกับเวลาปัจจุบัน มีกิจกรรมทั้งรับและจ่าย ตั้งหนี้และตัดหนี้ ติดตามยอดค้างชำระที่เกินกำหนดนัด ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกวัน เพื่อให้ระบบคุมวงเงินสามารถทำงานได้ถูกต้องแม่นยำ เป็นกระแสเงินที่ไหลตามเวลาจริง


จนกระทั่งเจอกิจการบางแห่งมีสมุหบัญชีที่ปิดงบเอง จึงได้รู้ว่านักบัญชีที่ปิดงบเขาจะทำงานเสมือนหยุดเวลา หยุดการเคลื่อนไหวเป็นรอบๆ เป็นรถอีกคันที่วิ่งตามมาเรื่อยๆ ไม่ต้องเร่งให้ทันเวลาจริง


ผู้ที่รับผิดชอบงานบัญชีในภาคธุรกิจ ทุกปีอาจจะต้องพบเจอคำขอให้ยืนยันยอดลูกหนี้เจ้าหนี้ ตามมาตรฐานสอบบัญชี รหัส 505 ซึ่งไม่ใช่ยอดล่าสุด แต่เป็นยอดของรอบบัญชีที่เพิ่งผ่านมาล่าสุด


นานมาแล้วตอนที่ผมเริ่มทำโปรแกรม ไม่เคยรู้เรื่องมาตรฐานสอบบัญชี จึงคิดแบบคนไม่เข้าใจงานบัญชี รายงานสรุปยอดหนี้คงเหลือทั้งของลูกหนี้และเจ้าหนี้ จึงมีอย่างเดียวคือยอดล่าสุด เอามาจากยอดค้างชำระที่เก็บในดาต้าเบสนั่นแหละ


ภายหลังโปรแกรมจึงต้องมีรายงานยอดลูกหนี้และเจ้าหนี้ ณ วันที่ ซึ่งใช้วิธีถอยยอดจากล่าสุดด้วย transactions ที่ล้ำเกินวันที่นั้นกลับไป จนได้ยอด ณ วันที่ที่ต้องการ


"ยอดล่าสุด" กับ "ยอด ณ วันนี้" ใช้แทนกันได้หรือไม่? 

บัญชีคู่

ผมมักนึกเปรียบงานบัญชีเหมือนงานพิสูจน์หลักฐาน เวลาเกิดเหตุฆาตกรรมต้องปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้ใครเข้ามายุ่มยามทำให้หลักฐานปนเปื้อนเสียหาย หยุดสภาพทุกอย่างไม่ให้เปลี่ยนแปลง จะได้มีเวลารวบรวมรายละเอียด


วัตถุประสงค์ของบัญชีคือ อธิบายอดีตว่าผลประกอบการของกิจการ เงินสด, ลูกหนี้, เจ้าหนี้ ฯลฯ เพิ่มขึ้นหรือลดลง เกิดจากอะไร ด้วยภาษาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เรียกว่า "บัญชีคู่"


กำเนิดหลักบัญชีคู่เมื่อกว่า 500 ปีที่แล้ว ถึงแม้มนุษย์รู้จักคิดคำนวณคณิตศาสตร์ แต่ยังไม่มีเครื่องคิดเลข ไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่มีบล็อกเชน ดังนั้นหลักบัญชีดั้งเดิมถูกออกแบบมาภายใต้ข้อจำกัดของเครื่องมือสมัยนั้น ต้องสามารถจดบันทึกคิดคำนวณด้วยมือและหัวสมองได้


เพราะมนุษย์มีขีดจำกัดในการคำนวณ

วัตถุประสงค์ของบัญชีเพื่อยุบย่อจาก transactions จำนวนมากมาเป็นงบ เหลือรายการตัวเลขที่ไม่มากเกินกว่าสมองมนุษย์จะตรวจสอบได้ โดยไม่สูญเสียนัยยะสำคัญ คล้ายกับการทำ Quantization เพื่อให้ขนาด model AI เล็กพอที่จะทำงานในคอมพิวเตอร์ที่มีทรัพยากรจำกัด


บัญชีคือ กระบวนการ Quantization

รายการ (transactions) > แปลงคัดแยก (สมุดบัญชี) > ยุบย่อ (งบการเงิน)


นักบัญชียุคก่อนคอมพิวเตอร์ ทำบัญชีโดยใช้สมุดบัญชี แยกประเภทบัญชีได้เท่าที่จะมีพื้นที่พอตีเส้นแยกช่องในสมุดได้ บวกเลขพักยอดมาเป็นทอดๆ ยกไปทีละหน้า ทีละวัน ทีละเดือน แทบไม่มีใครทำบัญชีหรือตรวจจนถูกต้องได้ 100% หากตัวเลขที่ผิดพลาดนั้นเล็กน้อยไม่กระทบภาพใหญ่ ก็จะไม่เสียเวลาไล่ตรวจย้อน แต่ปรับปรุงตอนจบแทน


บัญชีคู่ทำให้ความผิดพลาดถูกตรวจพบง่าย

หลักคิดสำคัญของบัญชีคู่ transactions ใดๆ จะเกิดตัวเลขสองฝั่ง (debit และ credit) ที่เท่ากันเสมอ ดังนั้นยุบมาเป็นงบยอดรวม ตัวเลขสุดท้ายสองฝั่งจะต้องเท่ากันเสมอ จึงใช้ตรวจสอบความผิดพลาดจากการบวกเลข


อย่าลืมว่าการบันทึกและบวกในกระดาษสมัยก่อนมีโอกาสผิดพลาดง่าย


แยกประเภทเป็นมายา

การอ่านความหมายจากมิติสัมพันธ์ของรหัสบัญชีและตัวเลขในงบการเงิน เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่ต่างจากไพ่ทาโร่และการวาง งบโดดๆ อาจอ่านได้ไม่มาก หากเปรียบเทียบกับงบจากงวดก่อนหน้านั้น สามารถช่วยเปิดเผยความเป็นไป ความปกติและไม่ปกติของกิจการนั้น


ผู้มีประสบการณ์ ทั้งนักลงทุนในตลาดหุ้น ผู้บริหารสายการเงิน ผู้สอบบัญชี รวมถึงผู้สอบของสรรพากร ต่างรู้เคล็ดวิชานี้ ตอนที่ยังไม่ประสาผมเคยเจอผู้เจ้าสำนักบัญชีที่บอกว่าเขาสามารถตรวจความผิดปกติจากงบ โดยยังไม่ต้องดูรายละเอียดอื่น อีกสิบกว่าปีหลังจากนั้นจึงเข้าใจว่าทำได้อย่างไร


ข้อจำกัดของบัญชีหรืองบการเงินอยู่ตรงที่ ใช้บอกเล่าได้แค่มุมมองของสรรพสิ่งที่แปลงมาเป็นมูลค่าเทียบเท่าเงินได้เท่านั้น อะไรที่ไม่สามารถเทียบมูลค่าได้อาจไม่ถูกนับรวมในบัญชี ระบบบัญชีที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ไม่สามารถบันทึกมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมของธุรกิจ

เราอาจหลงลืมไปว่า บัญชีเป็น "ความเห็น" ที่เกิดจากมนุษย์ที่ต้องการจัดหมวดหมู่เพื่ออธิบายอะไรบางอย่างให้เข้าใจง่ายขึ้น แล้วเกิดเป็นมาตรฐานตกลงรับรู้ร่วมกัน


บางครั้งความเห็นต่อ "ความจริง" เดียวกันไม่จำเป็นต้องตรงกัน เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน เมื่อเงื่อนไขแวดล้อมเปลี่ยน เมื่อเกิดมีความจริงใหม่เกิดขึ้น หรืออาจถูกบิดเบือนเพื่อเป้าหมายใดๆ ก็ได้ จึงต้องมีกลไกผู้สอบบัญชีที่เป็นอิสระจากผู้ทำบัญชี เวลาผ่านไปเจตนาดั้งเดิมอาจเริ่มเลอะเลือนไปแล้ว


ความน่าเชื่อถือของงบการเงิน ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของผู้จัดทำบัญชี และผู้สอบบัญชีอิสระ ซึ่งประวัติศาสตร์ก็สอนว่าเป็นความเหลวไหล ที่อาจนำไปสู่ความวิบัติ แม้กระทั่งผู้สอบบัญชีระดับโลกก็ยังดับสูญความไว้ใจได้ จนเหลือแค่ BIG 4


กล้องวงจรปิด

เมื่อโลกประดิษฐ์กล้องวงจรปิด เราเปลี่ยนการตระเวนตรวจพื้นที่กว้างขวางเป็นเฝ้าดูภาพบนจอมอนิเตอร์


สมมติว่าเกิดเหตุฆาตกรรม เมื่อกล้องบวกกับเทคโนโลยีบันทึกภาพจากกล้อง งานพิสูจน์หลักฐานเปลี่ยนไป แม่นยำรวดเร็วยิ่งขึ้น บันทึกภาพจากกล้องกลายเป็นประจักษ์พยานที่น่าเชื่อถือกว่าพยานผู้เห็นเหตุการณ์ แน่นอนว่าเราต้องรอระยะเวลาพัฒนาการของมัน จนกว่าแพร่หลาย จนกว่าต้นทุนในการติดตั้งกล้องและบันทึกได้นั้นไม่เป็นภาระมากเกินไป


งานบัญชีก็เช่นเดียวกัน มนุษย์พัฒนาเครื่องมือช่วยคำนวณจากเครื่องคิดเลข มาสู่โปรแกรมสเปรดชีตในคอมพิวเตอร์ แล้วกลายเป็นโปรแกรมบัญชี


วิวัฒนาการของการทำบัญชีด้วยคอมพิวเตอร์ เริ่มจากเปลี่ยนกระดาษทำการปิดงบมาเป็นเก็บยอดลงสเปรดชีต นักบัญชีรุ่นเก่าบางคนยังคงใช้ท่าไม้ตายนี้อยู่ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเปลี่ยนใช้โปรแกรมบัญชี


ขั้นตอนงานบัญชีเดิม


  • เสมียนบัญชีเขียนใบสำคัญ

  • หัวหน้าบัญชีเติมรหัสแยกประเภทท้ายใบสำคัญ

  • เสมียนบัญชีเอาไปจดใส่สมุดบัญชีรายวัน


ขั้นตอนเมื่อใช้โปรแกรมบัญชีคอมพิวเตอร์


  • เสมียนบัญชีบันทึกใบสำคัญเข้าโปรแกรม

  • โปรแกรมสร้างรายการแยกประเภทตามกฏเกณฑ์ที่ตั้งไว้อัตโนมัติ

  • หัวหน้าบัญชีตรวจการลงบัญชีในโปรแกรม สามารถแก้ไขได้ตามต้องการ

  • ให้โปรแกรมสรุปงบการเงิน ลดความผิดพลาดจากการบวกเลข (ที่เป็นจุดเด่นของระบบบัญชีคู่) หากพบว่ายังไม่ถูกต้องก็สามารถกลับไปแก้ไขการลงบัญชีแล้วค่อยสรุปใหม่

  • หากต้องการ สามารถสั่งโปรแกรมพิมพ์รายการแยกประเภท เลียนแบบการจดลงสมุดบัญชีแบบเดิมก็ได้


โปรแกรมบัญชีจึงเปรียบเสมือนกล้องวงจรปิด ที่ช่วยให้นักบัญชีสามารถตรวจสอบโดยเข้าถึงรายละเอียดระดับ transactions ได้สะดวกรวดเร็ว



เวลาจริง

ทุกวันนี้ Security Cam มีความสามารถตรวจจับความเคลื่อนไหว อาจประยุกต์ใช้เป็นกลไกแจ้งเตือนเหตุการณ์ผิดปกติ คุณค่าของความสามารถนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสำคัญคือ "เวลาจริง" ต้องแจ้งเตือนเร็วที่สุด


ดังที่เกริ่นไว้ตอนต้น ศาสนาของบัญชีคือ "ถูกต้องชัดเจน" สามารถหยุดเวลารอจนกว่าพิสูจน์หลักฐานจนครบถ้วนจึงค่อยรับรู้ก็ได้


งานที่มีลักษณะของปฏิกริยาตอบสนองที่รวดเร็ว ต้องการสัญญาณเตือนที่ทันเวลา เพื่อลดขนาดของปัญหาไม่ให้ลุกลามใหญ่โต

ยกตัวอย่างกิจการแห่งหนึ่งมีปัญหาหนี้เสีย จะออกแบบกลไกควบคุมความเสียหายได้อย่างไรบ้าง


  • ลูกค้าที่มีปัญหาแล้ว เช่น ผิดนัดชำระ เช็คเด้ง ให้ฝ่ายบัญชีทำ black list พิจารณาห้ามขาย จนกว่าจะเคลียร์หนี้เก่า

  • ลูกค้าที่มีความเสี่ยงผิดนัด เช่น มียอดค้างชำระสูง และมีเคยมีประวัติ ฝ่ายบัญชีสรุปยอดลูกหนี้ให้ผู้จัดการฝ่ายขายพิจารณาอนุมัติเป็นราย ๆ


ถ้าโชคดีโปรแกรมอาจมีกลไกควบคุมวงเงิน ระบบขายและจัดส่งเชื่อมโยงกับข้อมูลลูกหนี้ช่วยตรวจสอบยอดหนี้ หากเกินวงเงินก็ไม่สามารถจัดส่งสินค้าให้ได้


สมมติว่าการตั้งหนี้เกิดขึ้นอัตโนมัติจากใบส่งสินค้า (พร้อมกับตัดสต็อค) แต่การตัดหนี้ต้องรอตรวจสอบเงินที่ได้รับ อาจจะเป็นเช็คหรือยอดโอนเข้าบัญชี คำถามจึงอยู่ที่กระบวนการตรวจสอบมีรอบทำเมื่อไหร่ ทุกวัน หรือสัปดาห์ละครั้ง


ระหว่างนั้นหากลูกค้ามีความจำเป็นต้องสั่งสินค้าเพิ่ม แต่ติดเงื่อนไขวงเงินเต็ม จากมุมมองลูกค้าก็ชำระเงินยอดเก่าไปแล้วแล้วทำไมยังมีปัญหา


ผมจะไม่ถกเรื่องการออกแบบกลไกวงเงินลูกค้าควรทำอย่างไร


แต่จะชี้ให้เห็นว่ายิ่งการทำงานของฝ่ายต่างๆ เชื่อมโยงกันมากขึ้น จำเป็นต้องส่งต่อหรือพึ่งพิงสถานะระหว่างกันมากขึ้น 


ทุกฝ่ายจะต้องเร่งความเร็วให้ทันกับเวลาจริง ซึ่งขัดต่อธรรมชาติของกระบวนการทำงานบัญชีที่สืบทอดกันมายาวนาน


คลื่นลูกที่สาม

Alvin Toffler เคยเขียนถึง "คลื่นลูกที่สาม" ว่า


โลกหมุนไปเร็วขึ้น เพราะระบบการสื่อสาร แต่ความเร็วของนาฬิกาในแต่ละสังคมจะไม่เท่ากัน จังหวะการเดินทางเศรษฐกิจ การเมือง การเทคโนโลยี จะล่าช้ามากในสังคมเกษตรกรรม แต่จะเร็วขึ้นในสังคมอุตสาหกรรม และจะวิ่งแข่งด้วยความเร็วของอิเล็กทรอนิกส์ในเสี้ยวของคลื่นลูกที่สาม

สมัยก่อนยามรักษาการณ์จะต้องถือไฟฉายเดินตรวจไปรอบบริเวณ


ต่อมาเมื่อใช้กล้องวงจรปิดเข้ามาผสมผสาน ก็ปรับเปลี่ยนแบ่งส่วนหนึ่งเฝ้าดูจากกล้อง ลดความถี่ในการเดินตรวจ


หากเทคโนโลยีตรวจจับความเคลื่อนไหวมีความแม่นยำ การใช้คนเดินตรวจก็จะลดความจำเป็นลงไป


สมัยก่อนพนักงานเดินเอกสารทำหน้าที่นำเอกสารจากแผนกหนึ่งไปส่งให้อีกแผนกหนึ่ง ทุกแผนกจะมีถาดเอกสารเข้าและเอกสารออกเพื่อใช้เป็นช่องทางสื่อสาร ต่อมาระบบคอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์กก็ช่วยเปลี่ยนจากรับส่งกระดาษเป็นรับส่งไฟล์


แต่ข้อจำกัดอยู่ที่ความทั่วถึงของระบบคอมพิวเตอร์ จนกระทั่งมีอินเตอร์เน็ตและการใช้งานคอมพิวเตอร์แพร่ไปทุกฝ่ายแผนก


เราอาจจินตนาการถึงระบบที่ใช้งานได้จริง


  • เมื่อฝ่ายขายเปลี่ยนใบเสนอราคาเป็นออเดอร์ที่ยืนยันขายแล้ว ข้อมูลนั้นก็ไปปรากฏเป็นรายการรอจัดส่งที่ฝ่ายสโตร์

  • เมื่อฝ่ายสโตร์เปลี่ยนสถานะรายการที่รอจัดส่งเป็นจัดเสร็จแล้ว ข้อมูลนั้นก็ไปปรากฏเป็นรายการรอทำใบกำกับภาษีที่ฝ่ายบัญชี

  • เมื่อฝ่ายบัญชีทำใบกำกับภาษีเสร็จแล้ว ข้อมูลนั้นก็ไปปรากฏที่ฝ่ายจัดส่ง เพื่อเตรียมบรรทุกส่ง


พนักงานเดินเอกสารจะเหลืองานแค่จังหวะที่ต้องเอาใบกำกับภาษีที่เป็นกระดาษไปให้ฝ่ายจัดส่ง ในอนาคตหาก E-Tax Invoice แพร่หลายก็จะกลายเป็นระบบไร้รอยต่อไปจนถึงปลายทางลูกค้า


ระบบที่ไร้กระดาษอาศัยความได้เปรียบของการสื่อสารยุคใหม่ ขณะเดียวกันต้องการบันทึกข้อมูลเพื่อรับรู้สถานะตามเวลาจริง


หากมีรถที่ส่งตำแหน่งตนเองบนถนนล่าช้าไป 5 นาที อาจทำให้ระบบนำทางทั้งหมดผิดเพี้ยน


ระบบโปรแกรมเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงานในเวลาจริง ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือช่วยคำนวณ สรุปปิดงบเหมือนโปรแกรมในยุคที่สอง


คลาวด์

เพราะเรื่องบัญชีโดยเฉพาะบัญชีภาษีเป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าคนค้าขายทั่วไปจะทำเอง กิจการที่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก มักจะจ้างสำนักบัญชีปิดงบโดยการรวบรวม เอกสารที่เกี่ยวข้องเฉพาะในรอบที่ผ่านมาส่งไปให้ อะไรที่เป็นเอกสารปัจจุบันยังไม่จบรอบก็เก็บไว้ก่อน


ความสัมพันธ์ระหว่างกิจการขนาดเล็กกับสำนักบัญชี ที่แยกระบบออกจากกันจึงไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งเรื่องการหยุดเวลา เพราะยังสื่อสารกันด้วยกระดาษหรือสำเนา มีขอบเขตข้อมูลที่ชัดเจน


สำนักบัญชีก็มีโปรแกรมถนัดของตัวเอง ไม่เกี่ยวกับโปรแกรมที่กิจการใช้ การหยุดเวลาเพื่อปิดงบในมิติบัญชี จึงสามารถทำได้โดยไม่กระทบกับการเคลื่อนไหวตามเวลาจริงของระบบธุรกิจ


โปรแกรมที่ทำงานผ่านคลาวด์ ทำให้การสื่อสารระหว่างแผนกกว้างไกลเกิดขึ้นโดยไม่มีอุปสรรค การทำงานนอกสถานที่สำหรับบางหน้าที่ เช่น พนักงานขายที่ต้องไปออกพบลูกค้า หรือประจำพื้นที่ต่างจังหวัด รวมไปถึงการมีสาขาย่อย มีคลังสินค้าแห่งใหม่ ฯลฯ การทำงานผ่านโปรแกรมตามเวลาจริงจึงมีความจำเป็นมากขึ้น


หลายปีที่ผ่านมาผมเคยพยายามนำเสนอความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ สำนักบัญชีทำงานร่วมกับกิจการ โดยใช้โปรแกรมเดียวกันผ่านคลาวด์ ช่วยลดความซ้ำซ้อน เปรียบเสมือนสำนักบัญชีเป็นแผนกหนึ่งที่ทำงานนอกสถานที่


ใช้โปรแกรมคลาวด์ร่วมกันทั้งสำนักบัญชีกับกิจการ อาจไม่สะดวกอย่างที่คิด

จนกระทั่งปีนี้เอง หลังจากที่พยายามทำความเข้าใจธรรมชาติของงานบัญชี โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการปิดงบและตรวจสอบ ทำให้ต้องกลับมาทบทวน ตั้งคำถามถึงข้อดีข้อเสียของการรวมงานที่มีจังหวะเวลาต่างกัน ให้ทำงานอยู่ภายใต้โปรแกรมเดียวกัน


แทนที่จะรวบมาอยู่ด้วยกัน ลองแยกงานบัญชีออกไปต่างหาก

ความไม่สบายใจอย่างหนึ่งของนักบัญชี เมื่อใช้ข้อมูลร่วมกันคือ ตัวเลขเขยื้อน หลักฐานเปลี่ยนแปลง เพราะโดนแก้ไขโดยแผนกอื่น แล้วไม่สามารถพิสูจน์หลักฐานที่หยุดเวลาเอาไว้ยืนยันว่าไม่ใช่ความสับเพร่าหรือผิดพลาด แต่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงภายหลัง


งานบางอย่างสามารถนั่งรวมกันใช้โต๊ะกลาง ใช้พื้นที่และอุปกรณ์ร่วมกันได้ แต่งานบางอย่างอาจต้องการพื้นที่ส่วนตัว ที่ไม่อยากให้ใครมาขยับเขยื้อนโดยไม่บอกกล่าว


ยุงในรถที่กำลังเคลื่อนที่ อยู่บนโลกที่กำลังหมุนรอบตัวเองและกำลังโคจรรอบดวงอาทิตย์


ดู 26 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


Post: Blog2_Post
bottom of page