ลองนึกภาพห้างร้านที่ใช้บิลเขียนมือ มีพนักงานเขียนรายการสินค้าที่ขาย อาจใช้เครื่องคิดเลขคำนวณ เอาต้นฉบับให้ลูกค้า เก็บสำเนาติดไว้กับเล่ม หลังจากนั้นค่อยรวบรวมนำมาสรุปทำบัญชีภายหลัง บางแห่งที่มีระบบควบคุมดีหน่อยก็จะจดบันทึกไว้ในสมุดรายวัน เผื่อไว้สอบทานกับบิลภายหลัง ความผิดพลาดมีโอกาสเกิดขึ้นได้แทบทุกจุด ตั้งแต่คิดเลขผิด สำเนาบิลหาย จดลงสมุดรายวันไม่ครบ หรือตัวเลขไม่ตรงกัน แค่ตรวจทานความถูกต้อง ก็เป็นเรื่องยากลำบากแล้ว
วัตถุประสงค์ดั้งเดิมของบัญชีจึงเป็นงานตรวจทานที่ทำภายหลัง พ่อค้าเล็ก ๆ ใช้เวลาหลังจากปิดร้านเพื่อคิดบัญชี เมื่อกิจการใหญ่โตขึ้นก็หาคนที่ไว้ใจได้มาช่วย จึงมีอาชีพนักบัญชีเกิดขึ้น เพราะการรวบรวม แยกแยะ แม้กระทั่งการบวกเลขจำนวนมากเป็นงานที่เหนื่อยสมองต้องใช้สมาธิและความรอบคอบ
ทุกวันนี้คอมพิวเตอร์สามารถบวกเลขได้ในชั่วพริบตา ก่อให้เกิดแนวคิดการใช้ประโยชน์จากสิ่งประดิษฐ์นี้ ขอบเขตของงานบัญชีจึงมีแนวคิดที่แตกออกเป็นสองแนวทางที่เริ่มแยกห่างออกจากกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
กลุ่มหนึ่งมองว่าทำบัญชีเท่าที่จำเป็น ตามที่กฏหมายบังคับก็เพียงพอแล้ว ผมเรียกว่าเป็นกลุ่ม “บัญชีภาษี” ทำบัญชีเพื่อนำส่งภาษีให้ถูกต้องอย่ามีปัญหาก็พอแล้ว มักจะเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก หรืออยู่ในธุรกิจที่การแข่งขันไม่สูง หรือเจ้าของกิจการไม่มีถนัดด้านการเงิน
กลุ่ม “บัญชีบริหาร” คือผู้ประกอบการที่ต้องการตีความบัญชีเพื่อคอยสอดส่องสุขภาพของกิจการ หรือสนับสนุนกลยุทธ์ดำเนินงานบางอย่าง เช่น ตัวเลขส่วนลดที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าที่ซื้อเงินสด, การตั้งราคาขายและต้นทุนที่แข่งขันได้, ควรเลือกเงื่อนไขซื้อเงินเชื่อหรือเงินสด ข้อแตกต่างที่สำคัญของกลุ่มนี้อยู่ที่ รอบเวลาของความต้องการใช้ข้อมูลบัญชี
หากตัดผู้ประกอบการที่มีนักบัญชีเป็นของตัวเอง หรือนักวิเคราะห์การเงินที่ใช้ตัวเลขเป็นอาวุธ ยังมีกิจการอยู่อีกจำนวนมากที่ไม่สามารถทำเช่นนั้น จำเป็นต้องพึ่งพามืออาชีพในรูปแบบของนักบัญชีอิสระหรือสำนักบัญชี เพื่อช่วยดูแลและให้คำปรึกษาที่เหมาะสม
ไม่นานมานี้ ผมได้รับทราบข่าวการตัดสินใจของมิตรรุ่นน้อง ที่จะเปิดสำนักบัญชีของตนเอง สำหรับผมคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ดี เพราะธุรกิจนี้มีภูมิคุ้มกันต่อ “Black Swan” อาจเป็นงานน่าเบื่อไม่ต่างจากอาชีพหมอฟันหรือช่างตัดผม ไม่ต้องอาศัยโชคที่จะประสบความสำเร็จชั่วข้ามคืน แต่ใช้เวลาสะสมลูกค้าไปเรื่อย ๆ ที่สำคัญลูกค้าเองก็มี loyalty สูงกว่าธุรกิจอื่น มีรุ่นพี่อาวุโสวางแผนส่งมอบธุรกิจนี้ให้ทายาทของเขารับช่วงต่อ
นั่นคืองาน “บัญชีภาษี” ที่เห็นกันทั่วไป เป็นงานบริการที่ไม่มีใครสามารถยึดครองลูกค้าทั้งหมดไว้กับตัวได้ จึงต้องแบ่งกันไปตามกำลังที่มีจำกัด สำนักงานเปิดใหม่ก็ขึ้นอยู่ว่าจะยืนระยะได้จนถึงวันที่มีลูกค้าจำนวนมากพอให้ตนเองอยู่ในจุดสมดุลหรือสุขสบายได้ไม่ หากตอนนี้ไม่ แล้วจะทำอย่างไร?
อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ลูกค้าควรเลือกคุณแทนที่จะเป็นสำนักบัญชีอื่น
สำหรับใครสักคนที่อยู่ในเส้นทางวิชาชีพนักบัญชี การเป็นเจ้าสำนัก ต้องมีสำนักบัญชีของตัวเองเพื่ออะไร? มองเห็นอนาคตในอีกสิบปีข้างหน้าอย่างไร?
ผมคาดว่าจะได้คำตอบเป็นสองแนวทาง ตอนนี้พอมีลูกค้าอยู่แล้วจำนวนหนึ่ง คิดว่าพอทำไปเรื่อย ๆ ก็น่าจะมีเพิ่มเข้ามา อาศัยลูกค้าเดิมช่วยแนะนำต่อ รวมทั้งใช้ช่องทางโฆษณาทางโซเชียลต่าง ๆ ซึ่งก็เหมาะสมสำหรับการบริหารงานสำนักบัญชีตามแนวทางนี้ต่อไป
หากคำตอบเป็นแนวทางที่สอง ผมจะรู้สึกประหลาดใจ หากมีใครพยายามครุ่นคิดถึงกลยุทธ หาอัตลักษณ์ที่ทำให้แตกต่างจากผู้อื่น นอกจากเป็นนักบัญชีแล้ว ยังมีคุณสมบัติของผู้ประกอบการ สามารถคิดว่า “บัญชีบริหาร” ควรมีหน้าตาประมาณไหน ควรนำเสนออย่างไร อะไรคือสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการนอกเหนือจาก “บัญชีภาษี” และนั่นจะเป็นจุดแตกต่างจากสำนักบัญชีทุกวันนี้
เรื่องนี้อาจจะเร็วไปหน่อยสำหรับวันนี้ แต่สมมติฐานของผมมาจากแนวโน้มที่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ใช้โปรแกรม ERP มากขึ้น หรือจะมองอีกด้านโปรแกรมรุ่นใหม่ไม่มีใครออกแบบให้เป็นโปรแกรมบัญชีโดด ๆ สำหรับปิดงบยื่นภาษี แต่ออกแบบให้ครอบคลุมกระบวนการทำงานของภาคธุรกิจด้วย ที่สำคัญคือ ERP เหล่านั้นมีโมเดลวิเคราะห์ในแง่มุมต่าง ๆ เพราะมีข้อมูลที่ละเอียดกว่าข้อมูลที่ใช้เพื่อบัญชีภาษี แต่มีผู้ประกอบการจำนวนไม่มากที่เข้าใจความหมายของโมเดลเหล่านั้น
สมัยก่อนเราไปหาหมอเมื่อเจ็บป่วย แต่ไม่นานมานี้เริ่มมีคำแนะนำใหม่ ให้ไปหาหมออย่างน้อยปีละครั้ง พาตัวเองไปโรงพยาบาลเพื่อให้นักเทคนิคการแพทย์วัดค่าดัชนีต่าง ๆ ของร่างกาย แล้วหมอที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจะช่วยอธิบายค่าเหล่านั้น เพื่อบอกว่าสุขภาพของคุณเป็นอย่างไร มีความเสี่ยงตรงไหนบ้าง คุณจะได้รับแฟ้มรายงานสุขภาพ สามารถเอาไว้ทบทวนหรือปรึกษาแพทย์อื่นภายหลังได้
บางทีเมื่อคุณกังวลกับชีวิต เพื่อนคุณอาจชวนคุณไปหาหมอดู เพื่อทบทวนอดีตทำความเข้าใจตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเส้นทางดำเนินชีวิต ถึงแม้ว่าคุณเป็นผู้หยิบไพ่ทาโร่ต์นั้นขึ้นมา หน้าไพ่ที่เปิดเรียงอยู่เบื้องหน้าก็ต้องการผู้เชี่ยวชาญบอกความหมายจากความสัมพันธ์ของหน้าไพ่เหล่านั้น
ข้อมูลใน ERP ก็เช่นเดียวกัน และบังเอิญสำนักบัญชีเป็นผู้ที่มีโอกาสดีที่สุด ได้รับความไว้วางใจให้เข้าถึงข้อมูลเหล่านั้น ขอเพียงมีความคิดว่าจะยกระดับพัฒนาฝึกฝนความรู้ จนได้รับโอกาสให้อธิบายค่าตัวเลขต่าง ๆ ให้กับลูกค้าทั้งหลายได้อย่างไร
ระหว่างที่นำเสนอเรื่องนี้ ด้านหนึ่งผมมีภาพของนักบัญชีผู้มีจิตวิญญาณผู้ประกอบการ กล้าฝันถึงสำนักบัญชีของตนเอง ขณะเดียวกันผมก็เห็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปในแวดวงของงานบัญชีและโปรแกรม ERP ทำให้ความคาดหวังของผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าที่เปลี่ยนไป
อาจมีนักบัญชีสักคนที่คิดจะก้าวข้ามจากงานบัญชีภาษีที่ดูเหมือนมั่นคง ให้กลายเป็นความท้าทายใหม่ โรงพยาบาลและแพทย์ปรับเปลี่ยนบริการที่ส่งมอบให้ลูกค้า จากการรักษามาเป็นวิเคราะห์สุขภาพของบุคคลได้ สำนักบัญชีก็สามารถปรับเปลี่ยนจากทำบัญชียื่นภาษีมาเป็นวิเคราะห์สุขภาพของกิจการได้
July 31, 2023 / edited May 4, 2024
Comentarios